การจัดส่งสินค้าคือหัวใจสำคัญของธุรกิจออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ แต่รู้หรือไม่ว่า "ถุงพัสดุ" ที่คุณเลือกใช้นั้นมีผลโดยตรงต่อต้นทุนการขนส่งทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ถุงพัสดุที่มีขนาดไม่เหมาะสมกับสินค้า ไม่เพียงแต่ทำให้บรรจุภัณฑ์ดูไม่เป็นมืออาชีพ แต่ยังส่งผลให้เสียพื้นที่ขนส่ง เสียเวลา และอาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายส่วนเกินโดยไม่รู้ตัว
การเลือกขนาดถุงพัสดุให้เหมาะสมกับสินค้านั้น ควรเริ่มจากการวัดขนาดจริงของสินค้าที่จะจัดส่ง โดยต้องคำนึงถึงความกว้าง ความยาว และความหนา รวมไปถึงวัสดุป้องกันที่อาจใช้เพิ่มเติม เช่น บับเบิ้ลกันกระแทก หรือกล่องรองด้านใน เพื่อให้ถุงที่เลือกมีขนาดพอดี ไม่แน่นเกินไป และไม่หลวมจนทำให้สินค้าเคลื่อนไหวหรือเสียหายระหว่างการขนส่ง
ถุงที่เล็กเกินไปอาจทำให้สินค้าถูกบีบจนเสียหาย ส่วนถุงที่ใหญ่เกินไปจะทำให้เสียพื้นที่ในการจัดส่ง และในหลายกรณีบริษัทขนส่งจะคิดราคาจากขนาดพัสดุ ไม่ใช่น้ำหนักจริง จึงทำให้คุณเสียค่าจัดส่งแพงขึ้นโดยใช่เหตุ
การเลือกใช้ถุงพัสดุหลายขนาดให้เหมาะกับแต่ละกลุ่มสินค้าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ธุรกิจจำนวนมากนำมาใช้เพื่อควบคุมต้นทุน เช่น สินค้าชิ้นเล็กควรใช้ถุงขนาดพอดีโดยไม่ต้องห่อซ้อนหลายชั้น ส่วนสินค้าที่เปราะบางอาจต้องเลือกถุงขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเพื่อรองรับวัสดุกันกระแทก
อีกหนึ่งเทคนิคที่ไม่ควรมองข้ามคือ การเลือกใช้ถุงพัสดุที่ทำจากวัสดุคุณภาพดี เช่น ถุงพลาสติกชนิดหนา กันน้ำ ไม่ฉีกขาดง่าย เพื่อป้องกันการคืนสินค้าอันเกิดจากพัสดุเสียหายระหว่างทาง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนแฝงและเสริมภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้ในระยะยาว
กล่าวโดยสรุป ถุงพัสดุ (https://www.atcothermalpaper.com/how-to-choose-the-size-of-your-parcel-bag/)ไม่ใช่แค่สิ่งที่ใช้ห่อสินค้าเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือทางธุรกิจที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับความเป็นมืออาชีพในการจัดส่งสินค้า การเลือกถุงพัสดุให้เหมาะสมกับสินค้าคือสิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการคัดเลือกสินค้าเลยทีเดียว