• Welcome to ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN.
 


Inglourious Basterds (2009) ยุทธการเดือดเชือดนาซี

Started by Chigaru, Today at 05:42 AM

Previous topic - Next topic

Chigaru

ดูหนังออนไลน์ Inglourious Basterds (2009) ยุทธการเดือดเชือดนาซี

สงครามแห่งการแก้แค้น: บทวิเคราะห์ภาพยนตร์ "Inglourious Basterds"

ในห้วงเวลาแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง ภาพยนตร์เรื่อง "Inglourious Basterds" ของเควนติน ทาแรนติโน ได้นำเสนอเรื่องราวอันซับซ้อนของความรุนแรงและการแก้แค้น ผ่านตัวละครที่น่าจดจำ โดยเฉพาะฉากเปิดเรื่องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เมื่อพันเอกฮานส์ ลันดา นายทหารนาซีผู้โหดเ.้ยม บุกค้นฟาร์มโคนมในชนบทของฝรั่งเศส

โชแชนนา เดรย์ฟัส เด็กหญิงชาวยิวเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ของครอบครัว เธอสูญเสียทุกสิ่งภายใต้สายตาของลันดา ความเจ็บปวดและความแค้นกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเธอในภายหลัง

สามปีต่อมา กองทัพอเมริกันส่งหน่วยรบพิเศษที่เรียกว่า "Basterds" หรือ "แก๊งโคตรแสบ" นำโดยร้อยโทอัลโด เรน ปฏิบัติภารกิจในดินแดนที่ถูกนาซียึดครอง พวกเขามีเป้าหมายชัดเจน: สร้างความหวาดกลัวให้กับศัตรูด้วยวิธีการอันโหดเ.้ยม โดยการสังหารทหารนาซีและสลักเครื่องหมายสวัสดิกะบนหน้าผากของผู้รอดชีวิต

ในขณะเดียวกัน โชแชนนาได้เปลี่ยนชื่อเป็นเอมมานูเอล มีมิกซ์ และกลายเป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ในปารีส เธอรอคอยโอกาสแก้แค้นมาโดยตลอด โอกาสนั้นมาถึงเมื่อรัฐมนตรีโฆษณาการนาซี โยเซฟ เกิบเบลส์ ตัดสินใจจัดงานฉายภาพยนตร์ปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์ของเธอ โดยมีผู้นำระดับสูงของนาซี รวมถึงอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ร่วมงาน

เอมมานูเอลวางแผนกับคนรักที่จะล็อกประตูและเผาโรงภาพยนตร์ ในขณะที่แก๊งโคตรแสบก็มีแผนลอบสังหารผู้นำนาซีเช่นกัน แผนการของทั้งสองฝ่ายถูกซับซ้อนยิ่งขึ้นเมื่อพันเอกลันดาค้นพบแผนการ แต่กลับตัดสินใจต่อรองเพื่อขอลี้ภัยหลังสงคราม

จุดสูงสุดของเรื่องเกิดขึ้นในโรงภาพยนตร์ ทั้งเอมมานูเอลและแก๊งโคตรแสบประสบความสำเร็จในการสังหารผู้นำนาซี รวมถึงฮิตเลอร์และเกิบเบลส์ แม้ว่าจะต้องสูญเสียชีวิตของตนเองไปด้วย

ภาพยนตร์ปิดฉากลงด้วยการที่เรนสลักเครื่องหมายสวัสดิกะบนหน้าผากของลันดา ซึ่งเป็นการแก้แค้นอย่างสมบูรณ์แบบ

"Inglourious Basterds" มิได้เป็นเพียงแค่เรื่องราวการแก้แค้น แต่ยังเป็นการตั้งคำถามถึงพลังแห่งความเกลียดชัง การใช้ความรุนแรงเพื่อต่อต้านความรุนแรง และการเยียวยาความทรงจำอันเจ็บปวดในประวัติศาสตร์